วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

TOKYO SONATA=^_^=













-สิ่งที่ได้เรียนรู้จากภาพยนตร์
>>> สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากภาพยนตร์เรื่องนี้คือ ครอบครัวเป็นสถาบันทางสังคมขนาดเล็กแต่มีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตในสังคมขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก สถาบันครอบครัวจึงเป็นสถาบันแรกที่เด็กจะได้เรียนรู้และซึมซับสิ่งที่ดีงามเพื่อนำไปปฏิบัติตนต่อสังคมที่ตนดำรงอยู่ การอยู่ร่วมกันในครอบครัวไม่ใช่มีเพียงแต่พ่อ แม่ ลูก ก็เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบได้ ถ้าหากความรักและความเอาใส่ใจซึ่งกันและกันแล้วการดำเนินชีวิตในฐานะครอบครัวก็เป็นไปได้ยาก ครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่จำเป็นต้องมีพ่อ แม่ พี่น้องครบองค์ประกอบ ไม่ว่าจะมีแค่แม่ ลูกหรือพ่อ ลูก หากมีการเลี้ยงดูด้วยความรักและความเข้าใจแล้ว ผลที่ออกมาก็คือการมีครอบครัวที่มีความสุขนั่นเอง ครอบครัวส่วนใหญ่ของสังคม บุคคลที่มีอำนาจในการตัดสินใจแบบเบ็ดเสร็จภายในบ้านก็คือผู้เป็นพ่อซี่งเป็นหัวหน้าครอบครัว มีหน้าที่ดูแลสมาชิกในครอบครัวให้ได้รับความสุขสบาย มีอำนาจในการตัดสินใจมากกว่าคนอื่นๆในครอบครัว ในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกันพ่อเป็นผู้รับภาระทุกอย่างภายในบ้าน มีอำนาจการตัดสินใจเหนือทุกคน เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นก็จะพยายามต่อสู้หรือผ่านปัญหานั้นๆไปด้วยตนเอง ทำให้ฉันคิดว่าครอบครัวที่ขาดการเอาใจใส่ซึ่งกันและกันขาดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวด้วยกันแล้ว ขาดการพูดคุยให้คำปรึกษากัน แน่นอนว่าย่อมจะมีช่องว่างเกิดขึ้น ทำให้สมาชิกในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นภรรยา ลูกหรือผู้เป็นพ่อเองมีความสัมพันธ์ที่ห่างกันออกไปต่างคนต่างอยู่ ความไว้ใจหรือความเชื่อใจของลูกๆก็จะอยู่กับผู้เป็นแม่มากกว่าซึ่งเกิดจากการใกล้ชิด ทำให้ลูกๆไว้ใจหรือสามารถเข้ามาปรึกษากับคนในครอบครัวได้บ้าง
>>>ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนให้ฉันคิดย้อนไปถึงครอบครัวของตนเองที่เป็นไปในทิศทางเดียวหรือคล้ายๆกับภาพยนตร์เรื่องนี้ คือพ่อจะเป็นเสาหลักของบ้านเป็นหัวหน้าครอบครัว ดูแลทุกคนในครอบครัวให้อยู่อย่างสุขสบาย พ่อออกไปทำงานแต่เช้ากลับมาบ้านในตอนเย็นหรือบางครั้งก็ไม่ได้กลับเพราะย้ายที่ทำงานไปที่อื่นๆซึ่งไกลออกไป ถามว่าเรารักและผูกพันกับพ่อเรามั๊ย เรารักและผูกพันกับท่านมาก แต่ด้วยความที่เรากับพ่อเจอกันน้อย ตอนเช้ายากมากที่จะได้เจอเพราะพ่อไปทำงานก่อน ส่วนเราก็ไปโรงเรียนกลับมาก็เจอแม่ การพูดคุยกับพ่อถือว่าน้อยมาก ทำให้บางเรื่องหรือบางครั้งเราไม่กล้าที่จะคุยกับพ่อ คนที่เราสามารถไว้ใจหรือสามารถพูดคุยได้ก็จะเป็นแม่ ต้องขอบอกก่อนว่าพ่อฉันเป็นคนใจดีไม่ได้โหดร้ายลงไม้ลงมือตีลูกแบบในภาพยนตร์แน่นอน^_^+
>>>ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่าครอบครัวที่เพรียบพร้อมไปด้วยความสุขและความรักความเข้าใจต้องมาจากสมาชิกในครอบครัว มีความเข้าใจมีการพูดคุยให้คำปรึกษาซึ่งกันและกัน เมื่อพบกับปัญหาหรืออุปสรรคก็ต้องผ่านพ้นไปด้วยกัน จะเป็นหน้าที่ของคนใดคนหนึ่งไม่ได้ ดังนั้นครอบครัวจึงเป็นสถาบันที่มีอิทธิพลต่อเด็กที่กำลังจะเจริญเติบโตต่อไปสู่สังคมที่กว้างใหญ่และน่าเรียนรู้มากขึ้น ครอบครัวที่ดีที่ได้รับความรักและความเอาใจใส่รวมทั้งความเข้าใจจะเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับลูกๆในการดำเนินชีวิตในภายภาคหน้าได้อย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง

-ทฤษฎีสังคม
ทฤษฎีโครงสร้าง-หน้าที่ (Structural-Functional theory)
แนวความคิดในการพัฒนาทฤษฎีโครงสร้าง-หน้าที่เป็นผลมาจากการนำเอาแนวความคิดทางด้านชีววิทยามาใช้ โดยอุปมาว่า โครงสร้างของสังคมเป็นเสมือนร่างกายที่ประกอบไปด้วยเซลล์ต่าง ๆ และมองว่า หน้าที่ของสังคมก็คือ การทำหน้าที่ของอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยแต่ละส่วนจะช่วยเหลือและเกื้อกูลซึ่งกันและกันเพื่อให้ระบบทั้งระบบมีชีวิตดำรงอยู่ได้
โรเบิร์ต เค. เมอร์ตัน (Robert K. Merton) ได้จำแนกหน้าที่ทางสังคมเป็น 2 ประเภทคือ หน้าที่หลัก (Manifest) หน้าที่รอง (Latent) หน้าที่ที่ไม่พึงปรารถนา (Dysfunctional) หน้าที่ของบางโครงสร้างของสังคมอาจมีประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ แต่ขณะเดียวกันคนบางส่วนอาจได้รับประโยชน์เพียงน้อยนิดหรืออาจไม่ได้รับประโยชน์เลย ซึ่งรวมไปถึงอาจจะมีคนบางกลุ่มหรือบางส่วนของสังคมได้รับผลเสียจากทำงานของโครงสร้างของสังคมนั้นก็ได้
อีมีล เดอร์ไคม์ (Emile Durkheim) มีแนวความคิดว่า หน้าที่ของสังคมคือ ส่วนที่สนับสนุนให้สังคมสามารถดำรงอยู่ได้ ซึ่งสอดคล้องกับ เอ.อาร์ แรดคลิฟฟ์ บราวน์ (A.R. Radcliffe-Brown) กับ โบรนิสลอว์ มาลิโนว์สกี้ (Bronislaw Malinowski) ที่มองว่า หน้าที่ทางสังคม เป็นส่วนสนับสนุนให้โครงสร้างสังคมคงอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะสังคมมีกระบวนการทางสังคมที่ทำให้สังคมเกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เช่น บรรทัดฐาน ค่านิยม ความเชื่อ วัฒนธรรม และประเพณี เป็นต้น
ทาลคอทท์ พาร์สัน (Talcott Parsons) มีแนวความคิดว่า สังคมเป็นระบบหนึ่งที่มีส่วนต่าง ๆ (Part) มีความสัมพันธ์และสนับสนุนซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ที่คงที่ของแต่ละส่วนจะเป็นปัจจัยทำให้ระบบสังคมเกิดความสมดุลย์ (Equilibrium) ส่วนในด้านการเปลี่ยนแปลงทางสังคม พาร์สันเสนอว่า เกิดจากความสมดุลย์ถูกทำลายลง เพราะองค์ประกอบของสังคมคือ บุคลิกภาพ (Personality) อินทรีย์ (Organism) และวัฒนธรรม (Culture) เกิดความแตกร้าว โดยมีสาเหตุมาจากทั้งสาเหตุภายนอกระบบสังคม เช่น การเกิดสงคราม การแพร่กระจายของวัฒนธรรม เป็นต้น และสาเหตุจากภายในระบบสังคม ที่เกิดจากความตึงเครียด (Strain) เพราะความสัมพันธ์ของโครงสร้างบางหน่วย (Unit) หรือหลาย ๆ หน่วย ทำงานไม่ประสานกัน เช่น การเปลี่ยนแปลงทางประชากร การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เมื่อส่วนใดส่วนหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลงจะเป็นสาเหตุทำให้ส่วนอื่น ๆ มีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจเกิดขึ้นเฉพาะส่วนใดหนึ่งหนึ่งหรืออาจเกิดขึ้นทั้งระบบก็ได้ พาร์สันเน้นความสำคัญของวัฒนธรรม ซึ่งรวมถึง ความเชื่อ บรรทัดฐาน และค่านิยมของสังคม คือ ตัวยึดเหนี่ยวให้สังคมมีการรวมตัวเข้าด้วยกันและเป็นตัวต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงในสังคม
โดยสรุปแล้ว แนวความคิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของกลุ่มทฤษฎีโครงสร้าง-หน้าที่ มีลักษณะดังนี้
-ในการศึกษาและการวิเคราะห์สังคมต้องมองว่า สังคมทั้งหมดเป็นระบบหนึ่งที่แต่ละส่วนจะมีความสัมพันธ์ระหว่างกัน
-ความสัมพันธ์คือสิ่งที่สนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างเป็นเหตุเป็นผล
-ระบบสังคมเป็นการเคลื่อนไหวเข้าสู่ความสมดุลย์ การปรับความสมดุลย์ของระบบจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในระบบตามไปด้วยความต่อเนื่องของกระบวนการของข่าวสารจากภายในและภายนอก นอกจากนี้ทฤษฎีระบบยังมองว่า ความขัดแย้ง ความตึงเครียดและความไม่สงบสุขภายในสังคมก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงทางสังคม แต่อย่างไรก็ตามทฤษฎีระบบก็มีข้อจำกัดในการศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เนื่องจากในการวิเคราะห์ตามทฤษฎีระบบเป็นการศึกษาเฉพาะเรื่อง จึงทำให้ไม่สามารถศึกษาความสัมพันธ์กับระบบอื่นได้อย่างลึกซึ้ง

-หากข้าพเจ้าเป็นพ่อ
>>>หากฉันเป็นพ่อในภาพยนตร์เรื่องนี้ หน้าที่ของพ่อที่สำคัญก็คือเป็นหัวหน้าครอบครัว ดูแลสมาชิกทุกคนให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ใช่ต้องร่ำรวยแต่เราจะอยู่อย่างมีความสุข ถ้าฉันเป็นพ่อสิ่งที่ฉันจะทำให้ดีที่สุดและไม่ขาดตกบกพร่องคือความเป็นพ่อที่ดีคอยแนะนำให้คำปรึกษาลูก ให้ความรักและความเอาใจใส่ลูกๆไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะที่ยากลำบากก็ตาม พร้อมที่จะเข้าใจในความต้องการความคิดหรือแม้กระทั่งเป็นผู้รับฟังที่ดีเวลาที่ลูกๆต้องการคำแนะนำหรือต้องการคนรับฟังปัญหาของเขา และหน้าที่ที่ไม่ควรขาดตกบกพร่องก็คือการเป็นสามีที่ดีนอกจากจะให้ความรักต่อลูกแล้วภรรยาถือเป็นบุคคลที่เราควรเอาใส่ใจเช่นกัน คอยดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นคู่คิดคู่ชีวิตที่เราเลือกมาอยู่กับเราดังนั้นเราต้องดูแลเขาให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้มีอะไรก็ต้องปรึกษากับคนในครอบครัว ไม่ควรให้คนอื่นเป็นผู้ชี้นำชีวิต การให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นสิ่งที่หลายๆคนมองข้าม แม้ว่าครอบครัวจะอยู่ใกล้ตัวหากผู้เป็นพ่อขาดความเอาใจใส่ดูแลหรือคนในครอบครัวขาดการปฏิสัมพันธ์หรือปล่อยปะละเลยครอบครัวก็ไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไป
-หากข้าพเจ้าเป็นแม่

>>>ถ้าเป็นแม่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ฉันคิดว่าคนเป็นแม่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่คอยดูแลเลี้ยงดูลูกๆจนเติบใหญ่ ดูแลสามี คนในบ้านไม่ขาดตกบกพร่อง ในฐานะที่เป็นแม่ความใกล้ชิดสนิทสนมมากกว่าผู้เป็นพ่อแน่นอนดังนั้นแม่จะต้องเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวให้ลูกๆ คอยอบรมสั่งสอนพูดคุยมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ใช้ความรักและความเข้าใจในการดำเนินชีวิตครอบครัว เมื่อผู้นำของบ้านล้มผู้เป็นเสารองก็ต้องช่วยค้ำจุนบ้านให้อยู่รอดต่อไปได้โดยไม่พังทลายลง นั่นก็คือผู้เป็นแม่นอกจากจะทำหน้าที่ดูแลสามีเลี้ยงลูกทำงานบ้านแล้วต้องแบ่งเบาภาระหรือร่วมกันแก้ไขกับปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นเพื่อให้ครอบคร้วผ่านพ้นวิกฤติไปได้ ดังคำที่ว่ามีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้านไม่ปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเผชิญอยู่กับปัญหาเพียงลำพัง
-หากข้าพเจ้าเป็นพี่ชายคนโต
>>>หากเป็นพี่ชายคนโตในเรื่อง ฉันก็จะตั้งใจเรียนให้จบเพื่อจะได้มาช่วยแบ่งเบาภาระของผู้เป็นพ่อและแม่ ดูแลน้องไม่ทำให้พ่อแม่ต้องเป็นห่วง เชื่อฟังและรับฟังคนในบ้าน ใช้การพูดคุยมากกว่าการนิ่งหรือเงียบ การแสดงความรักกับคนในครอบครัวตามโอกาส พี่คนโตจะไม่ทำให้พ่อและแม่ต้องผิดหวัง
-หากเป็นน้องชายคนเล็ก
>>>หากเป็นฉันเป็นน้องชายคนเล็กสิ่งที่ต้องทำให้ดีที่สุด ณ เวลานี้คือการตั้งใจเรียน ไม่ทำให้พ่อแม่ต้องผิดหวัง เชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อกับแม่ ปรึกษาและพูดคุยกับคนในครอบครัวไม่แก้ปัญหาเองหรือหาทางออกเอง ในฐานะที่เรายังเป็นเด็กการที่เราไปปรึกษาผู้ปกครองย่อมเป็นเรื่องที่ดีเพราะผู้ใหญ่จะช่วยให้เรากล้าที่จะตัดสินใจมากขึ้น อย่างเช่นในเรื่องเขาต้องการเรียนเปียโน ถ้าเขาเดินมาขอหรือปรึกษากับแม่ว่าตั้งใจที่จะเรียนจริงๆก็คงไม่ต้องแอบเอาเงินค่าอาหารไปเป็นค่าเรียนเปียโน หรืออีกวิธีคือเข้าไปคุยกับพ่อดีๆว่าต้องการเรียนด้วยใจที่รักจริงๆ จะช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้าน รวมทั้งไม่แสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมต่อบิดาโดนการโดนคีย์บอร์ดใส่พ่อของตนเอง ควรพูดจาด้วยเหตุและผลจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด และความฝันที่จะเป็นนักเปียโนก็จะราบรื่นปราศจากปัญหาหรืออุปสรรคในเส้นทางนักเปียโนรวมทั้งได้ทั้งแรงใจที่สำคัญจากพ่อกับแม่ด้วย
-หากเป็นตัวข้าพเจ้าเอง
>>> หากภาพยนตร์เรื่องเกิดขึ้นกับฉันหรือฉันสามารถเลือกได้ในการเป็นหนึ่งในตัวละครในเรื่องนี้ ฉันขอเลือกเป็นน้องชายคนเล็ก เพราะการที่เด็กคนหนึ่งแม้ว่าจะอยู่ในครอบครัวที่สมบูรณ์ คือ มี พ่อ แม่ พี่ น้อง อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่การใช้ชีวิตของคนในครอบครัวก็เหมือนกับต่างคนต่างอยู่ แต่ละคนก็ทำหน้าที่ของตนเองไป พ่อทำงาน แม่ทำงานบ้านดูแลลูกๆ ส่วนลูกๆเองก็เรียนหนังสือและหน้าที่ของตน ถ้าจะมองให้ลึกลงไปแล้วความเป็นครอบครัวมีอยู่จริง แต่ถามว่าอบอุ่นมั๊ยไม่มีความอบอุ่นเลยเพราะครอบครัวที่ขาดการพูดคุยและขาดการมีปฏิสัมพันธ์กันย่อมก่อให้เกิดปัญหาต่างๆตามมา น้องชายคนเล็กแม้ว่าจะอยู่ในครอบครัวที่เป็นเช่นนี้แต่เขาก็ไม่ได้ทำตัวที่ต่อต้านหรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหรือเบี่ยงเบนไปในทางที่ไม่ดี เขากลับทำตัวน่ารักไม่ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหา แม้ว่าความสนิทสนมกับผู้เป็นพ่อจะน้อยมากแต่เขาก็ยังมีสิ่งยึดเหนี่ยวในครอบครัวนั่นก็คือแม่ การทำตามความฝันของตนเองเป็นเรื่องที่ดี ดังเช่นในภาพยนตร์เขามีความฝันและความสามารถในด้านเปียโน ถ้าเป็นฉันก็จะทำอย่างที่น้องคนเล็กทำนั่นคือเดินตามความฝันของตนเองและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอเพื่อที่จะทำให้พ่อและแม่ภูมิใจในตัวเราและเชื่อมั่นว่าเราทำได้ คำคมนี้สามารถใช้กับภาพยนตร์หรือตัวน้องคนเล็กได้ดีคือ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั่น ดังนั้นอย่าปล่อยให้ความฝันของเราต้องหลุดลอยไปเพียงเพราะคำว่าขาดโอกาสหรือขาดการสนับสนุน
-อื่นๆ
-ข้อคิด
>>>สถาบันครอบครัวอยู่ได้ด้วยความรักและความเข้าใจ<<<
-คำถาม^O^+
1.ภาพยนตร์เรื่องนี้เหมาะกับรางวัลที่ได้รับมาหรือไม่?
-นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม
-ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ฯลฯ

วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Bank Black Vanilla...เสน่ห์อยู่ที่ลักยิ้มและความเป็นกันเอง



Name>>>อธิกิตติ์ พริ้งพร้อม>>>นามเดิมคือพรชัย^_^
Nickname>>>แบงค์
Birth Day>>>17 กันยายน 2529
ตำแหน่ง>>>ร้องนำ
การศึกษา>>>คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ศาสน>>>พุทธ
งานอดิเรก>>>เล่นคอมพิวเตอร์
ดนตรีกีฬาที่ชอบ>>>ฟุตบอล เทนนิส แบดมินตัน
ศินปินคนโปรด>>>Jamie Cullum, Green Day, Oasis
อุปนิสัย>>>ร่าเริง ขี้เล่น คุยเก่ง มนุษยสัมพันธ์ดีเป็นเด็กช่างสงสัย ชอบซักชอบถามชอบร้องเพลง ชอบแสดงออก ขยันซ้อมสม่ำเสมอ
หนังเรื่องโปรด>>>Star Wars
ผลงานที่ผ่านมา : – ถ่ายโฆษณา ถ่ายแบบ เล่นมิวสิกวิดีโอ
-อัลบั้ม1.Black Vanilla 2.Delicious3.R2G 4.Anybody hungry 5.Break Out
- เล่นละครเรื่องเพื่อนแซบ 4×4
- เข้ารอบ13คนสุดท้าย Duchie Boy Girl 2003
-Daddy Duo คุณพ่อจอมเซี้ยว ทางช่อง9
-วุ่นนักรักข้างตลาด ฯลฯ
-เร็วๆนี้พบกับภาพยนตร์เรื่อง "บางกอกกังฟู"














มาถึงฉากประทับใจหน่อยเร็ว(ส่วนตัวเลยนะ)
>>ฉากประทับใจหรอ ชอบตรงที่พี่แบงค์มีลักยิ้ม ยิ้มทีไรโลกสดใส^^ ดูเป็นผู้ชายขี้เล่น เจ้าชู้หน่อย และก็มีความอบอุ่นและมีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองดี555 เจอพี่แบงค์ครั้งแรกเลยก็ตอนมาเล่นคอนเสิร์ตที่มหาวิทยาลัยบูรพา ปี2550 ตอนนั้นเรายังเป็นเฟรชชี่อยู่เลย ก็ชอบมาตลอดแต่ไม่ได้เป็นแฟนคลับก็ติดตามข่าวสารและสื่อต่างๆที่ออกมา ข้ามเลยแล้วกันมาโดนใจอีกทีก็ตอนเล่นละครDaddy Duo เนี่ยแหละน่ารักมากๆรับบทชื่อทอยส์ ปี2009 และอีกเรื่องที่ชอบมากที่สุดก็ละครเรื่องวุ่นนักรักข้างตลาดแสดงคู่กับพี่เบลล์ เกิลลี่ เบอร์รี่ พี่แบงค์เล่นได้น่ารักมาก จากเรื่องนี้ก็เลยตัดสินใจเข้ามาสมัครบอร์ดGamboom ตอนแรกคิดว่าแฟนคลับก่อนๆเค้าจะกีดกันซะอีก แต่ที่ไหนได้คลับนี้เค้าน่ารักมากน่ารักจิง ขนาดไม่เคยเจอกันยังกันเองขนาดนี้รู้สึกรักคลับนี้และห่วงใยทุกคนในคลับขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ^^
>>>จากการที่สมัครเว็บแฟนคลับแล้วก็ติดตามข่าวสารพี่แบงค์มาตลอดในทุกๆเรื่อง พยายามAdd Friend ในเฟสบุ๊คของพี่แบงค์ถึง5ครั้งกว่าที่พี่แบงค์จะรับAdd จากนั้นก็สมัครทวิตเตอร์ทั้งๆที่เล่นยังไม่เป็นเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของพี่แบงค์
>>>ครั้งแรกที่เจอพี่แบงค์เลยก็ตอนคอนเสิร์ตฟีฟ่าที่โคราชครั้งสุดท้าย7กค.53 เอาว่ะงานนี้นั่งรถจากชลบุรี-โคราช5ชั่วโมงเพื่องานนี้ แอบไปดักรอพี่แบงค์หลังเวที จำได้เลยพี่แบงค์ลงจากรถมาคนสุดท้าย เราเลยเรียกพี่แบงค์ให้ลงมาเพื่อขอถ่ายรูป โอ๊ะๆพี่แบงค์น่ารักมากลงมาด้วย กรี๊ดส์>O<
>>>ได้เจอพี่แบงค์อีกทีก็คอนเสิร์ตที่ตลาดจตุจักร ชลบุรี เมื่อวันที่12พย.53 ที่ผ่านมา ยังน่ารักเสมอ(ผอมลงด้วยหล่อๆ) การเดินทางก็เหมาวินมอไซด์ไปกับเพื่อนสองคน เพื่อตามไปที่โรงแรมบางแสนคลาสสิก เพลส ก็ประทับใจไปตามๆกัน พี่แบงค์เป็นกันเองน่ารักสุดๆไม่รักได้งัยเนี่ย...ที่สำคัญพี่แบงค์ชอบของขวัญที่เราให้โอ๊ย ย ย ยกรี๊ดส์อีกแล้ว ว วคร๊าพี่น้อง
>>>วันที่13-14พย.53 พี่แบงค์มีงานแข่งรถที่บางแสน วันแรกไม่เจอไม่เป็นไรรู้ว่าพี่เค้ารอเราแค่นี้ก็โคตะระประทับใจ วันที่14พย.สมความตั้งใจ วันนี้ได้นั่งร่วมโต๊ะกับพี่แบงค์เป็นครั้งแรก สำหรับเรามันมากมาย แต่แฟนคลับคนอื่นๆคงเป็นเรื่องปกติ^^ แอบถ่ายรูปพี่แบงค์มาด้วย555...พอช่วงบ่ายๆก่อนพี่แบงค์กลับก็ได้มาถ่ายรูปพูดคุยกันนิดๆหน่อยๆ ทุกครั้งที่จะจากกันพี่แบงค์จะเข้ามาจับมือกับทุกคน แล้วอวยพร น่ารักอ่ะ>///< >>>ชอบความเป็นกันเองและความน่ารักของพี่แบงค์ที่มีต่อแฟนคลับ มันน่ารักจริงๆ และคนในคลับเองก็น่ารักมากๆเช้นกัน สัญญาว่าจะรักคลับนี้ตลอดไปเลย














































ปัญหาสังคมที่ฉันพบเห็น


ความยากจนคืออะไร
เมื่อกล่าวถึง "ความยากจน" โดยทั่วไปจะหมายถึงความยากจนในเชิงเศรษฐกิจ (Monetary Dimension) นั่นคือพิจารณาที่ระดับรายได้ หรือฐานะทางเศรษฐกิจของบุคคลว่ามีรายได้ไม่เพียงพอกับการดำรงชีพได้ตามมาตรฐานขั้นต่ำ หรือมีรายได้ต่ำกว่ามาตรฐานคุณภาพชีวิตขั้นต่ำที่ยอมรับในแต่ละสังคม เมื่อนิยามความยากจนอิงกับการขาดแคลนรายได้เช่นนี้เครื่องมือที่ใช้ในการวัดสภาวะความยากจนจึงใช้รายได้หรือรายจ่ายของครัวเรือน และแนวทางในการแก้ไขปัญหาก็จะมุ่งเน้นที่การเพิ่มรายได้ของครัวเรือน โดยการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปัจจัยการผลิตและกระบวนการผลิตสินค้าและบริการที่ดำเนินการโดยคนจน การปรับปรุงสภาพแวดล้อมของตลาดในด้านต่างๆ ให้เอื้ออำนวยต่อคนจน ตลอดจนการให้เงินอุดหนุนในรูปแบบต่างๆ เช่น เบี้ยยังชีพคนชรา เป็นต้น
สาเหตุของความยากจน
สาเหตุของความยากจนสามารถแบ่งได้เป็นสองแนวทางใหญ่ๆ คือ
สาเหตุจากปัจจัยภายใน ได้แก่ การมีความรู้ความสามารถในการประกอบอาชีพต่ำ เนื่องจากการขาดโอกาสในการศึกษาและพัฒนาทักษะต่างๆ รวมทั้งการขาดโอกาสในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ นอกจากนี้ การมีปัญหาสุขภาพ และการมีภาระในการเลี้ยงดูครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ ประกอบกับการมีทรัพย์สินและที่ดินในการทำกินน้อย ปัจจัยเหล่านี้ ล้วนเป็นสาเหตุภายในบุคคลที่ทำให้บุคคลกลายเป็นคนจนได้
แนวทางแก้ไขปัญหาความยากจน
ในปัจจุบันทั้งธนาคารโลก และประเทศไทยได้เน้นมาแก้ไขปัญหาความยากจนที่เกิดจากปัจจัยภายในบุคคล โดยการเปิดโอกาสด้านต่างๆ ให้กับคนจนมากขึ้น ทั้งโอกาสทางสังคม โดยการสร้างระบบประกันสังคมและระบบตาข่ายความคุ้มครองทางสังคมต่างๆขยายโอกาสทางเศรษฐกิจโดยการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพ พัฒนาตลาด และให้เงินทุนกู้ยืมต่าง ๆ รวมถึงโอกาสทางการเมืองในแง่ของการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น ให้ท้องถิ่นเรียนรู้ในการแก้ไขปัญหาความยากจนด้วยตนเองมากขึ้น ส่วนปัญหาที่เกิดจากปัจจัยภายนอกแก้ไขโดยการบูรณาการแผนงานและงบประมาณต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อความเป็นเอกภาพและประสิทธิภาพในการดำเนินการ นอกจากนี้การพัฒนาเศรษฐกิจจะสร้างความสมดุลโดยรักษาเศรษฐกิจในระดับมหภาคให้มีเสถียรภาพและมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับฐานรากให้สามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน

ปัญหาความยากจนที่พบเห็น
>>>ปัญหาความยากจนเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยาก ครอบครัวแต่ละครอบครัวก็มีพื้นฐานทางฐานะครอบครัวไม่เหมือนกัน เป็นไปได้ว่าความยากจนนั้นอาจเกิดมาจากการขาดความรู้การได้รับการศึกษาที่เหมาะสมกับอาชีพที่ทำอยู่ ณ ปัจจุบัน คนจนก็ยังคงมีอาชีพเพียงกรรมกรแบกหาม รายได้ไมพอยังชีพและเลี้ยงครอบครัว ปัญหาเด็เร่ร่อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากครอบครัวไม่สามารถเลี้ยงดูสมาชิกที่เพิ่มขึ้นมาได้ บางคนก็เป็นขอทานบ้าง บางคนก็เก็บของเก่าขาย ซึ่งคนจนมีมากในพื้นที่ชนบท ตามต่างจังหวัดที่ทุรกันดาร ห่างจากตัวเมืองหรือตัวจังหวัด ทำให้การได้รับความสะดวกสบายในด้านการรับบริการต่างๆไม่ทั่วถึง
>>>ปัญหาความยากจนเป็นปัญหาที่หลายๆคนได้เห็นหรือได้สัมผัสว่าปัญหานี้เกิดจากอะไรและบุคคลเหล่านี้ดำรงชีวิตอย่างไรอยู่ในสังคม
>>>บุคคลที่ข้าพเจ้าจะกล่าวถึงในบทความนี้คือ คุณตาวัย 67 ปี ที่อาศัยอยู่ในกระท่อมที่ผู้ใจดีแบ่งปันที่ดินให้อยู่อาศัย คุณตาคนนี้ชื่อชาวบ้านเรียกกันว่าไป่ ชื่อ-สกุลจริงไม่มีผู้ใดทราบ ตั้งแต่ข้าพเจ้ายังเด็กก็เห็นคุณตาท่านนี้อยู่ในหมู่บ้านนี้มาตลอด ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว เช้าก็จะออกไปถือปิ่นโตให้พระที่วัดในหมู่บ้าน อาศัยข้าววัดประทังชีวิต ถ้ามีงานอะไรที่ตาไป่พอทำได้ก็จะไปรับจ้างทำงานเพื่อได้เงินเลี้ยงชีพให้ตนเองอยู่รอด เป็นค่ายารักษาโรคและค่าอาหารต่างๆ ตาไป่ผู้นี้มีเสื้อผ้าไม่กี่ชิ้นส่วนใหญ่ก็ได้มาจากผุ้ใจบุญนำมาบริจากให้ ผลัดเปลี่ยนกับชุดเดิมบ้าง ตาไป่อ่านหนังสือออกจบการศึกษาประมาณชั้นประถมศึกษาปีที่2 แต่งานที่ทำก็เป็นงานเล็กๆน้อยๆภายในหมู่บ้าน ทำสวน ปลูกมัน ตัดไม้ ฯลฯ รายได้จากการทำงานก็ไม่ได้ทุกวันนานๆทีถึงจะมีงานเข้ามา ดังนั้นชีวิตของตาไป่จึงต้องฝากท้องไว้กับวัดในหมู่บ้านซึ่งเป็นวัดขนาดเล็กๆไม่ได้ใหญ่โตอะไร รายได้เฉลี่ยของคนในหมู่บ้านก็แค่พอมีพอกิน อาชีพรับจ้างทั่วไปหาเช้ากินค่ำ เป็นหมู่บ้านแบบชนบท การศึกษาไม่สูง

>>>การศึกษาจึงเป็นเหตุผลสำคัญในการเกิดปัญหาความยากจน การศึกษาทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากเดิมมาก จากอาชีพส่วนใหญ่จะเป็นเกี่ยวกับเกษตรกรรม แต่เมื่อได้รับการศึกษาที่สูงขึ้นก็จะเกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานไปตามโรงงานอุตสาหกรรม มีอาชีพที่เหมาะกับความรู้ความสามารถที่ตนเองได้ร่ำเรียนมา มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวเพิ่มมากขึ้น และจะส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นด้วยเช่นกัน
ขอบคุณที่มารูปภาพจาก